ในบรรดาจำนวนสินค้าแบรนด์เนมทั้งหมดที่ Jewel Cafe รับซื้อนั้น Gucci (กุชชี่) เป็นหนึ่งในสินค้าแบรนด์เนมที่มียอดรับซื้อมากที่สุดค่ะ สินค้าที่รับซื้อบ่อยที่สุดคือ กระเป๋าสตางค์ แต่ก็มีกระเป๋าถือรุ่นยอดนิยมต่างๆ หลายใบเช่นกันค่ะ
โดยทั่วไปแล้ว สินค้า Gucci ที่นำมาประเมินที่ร้าน มักจะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลักๆ ได้แก่ รุ่นเก่าที่เก่าแก่ไปเลย กับรุ่นใหม่ที่เพิ่งได้รับความนิยม และเราก็มักจะเจอกับคำถามแบบนี้เข้ามาเยอะมากค่ะ
「สินค้าเก่าแล้ว แต่สภาพแบบนี้ยังรับซื้อได้อยู่ไหมนะ? 」
「เป็นสินค้ารุ่นใหม่ เลยอยากทราบว่าราคาน่าได้ที่ประมาณเท่าไหร่」
ในครั้งนี้ เราจะมาแนะนำเสน่ห์ของซีรีส์ยอดนิยม 3 อันดับแรกของ Gucci ที่ผ่านกาลเวลามาครบ 100 ปีนับตั้งแต่การผลิตและสร้างสรรค์ รวมถึงประเด็นที่ต้องพิจารณาในการรับซื้อซีรีส์เหล่านี้ โดยจะเริ่มจากซีรีส์ที่มีคะแนนสูงสุดนะคะ !
ซีรีส์ Gucci ที่มียอดรับซื้อมากที่สุด 3 อันดับแรกในปี 2020 – 2021 ได้แก่!
อันดับ 1 … GG Signature (Guccissima)
เหตุผลที่ทำให้ได้รับความนิยม…
GG Signature คือซีรีส์ลายพิมพ์นูนยอดนิยมของ Gucci ก่อนหน้านี้ มักจะรู้จักกันในชื่อ Gucci Cima (Cima แปลว่า “ดีที่สุด” ในภาษาอิตาลี) และต่อมา ได้เปลี่ยนชื่อเป็น GG Signature ในปี 2015 คุณลักษณะเด่นที่สุดและเป็นเหตุผลที่ทำให้ได้รับความนิยมคือ ความรู้สึกอันหรูหราของวัสดุ มีการใช้หนังลูกวัวที่คัดสรรมาอย่างดี (หนังจากลูกวัวที่อายุน้อยกว่า 6 เดือน) พื้นผิวจึงมีเนื้อละเอียดและดีไซน์ปั๊มความร้อนด้วยเครื่องหมาย GG ของ Gucci ให้ความรู้สึกหรูหรา แถมยังโดดเด่นอีกด้วย
โดยเป็นซีรีส์ยอดนิยมที่พัฒนาโดย Gucci เพราะคุณภาพและรูปลักษณ์ที่ตอบสนองความต้องการความรู้สึกหรูหราได้อย่างเต็มที่ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของแบรนด์ค่ะ!
นอกจากนี้ Gucci Cima มักมีสัดส่วนผู้ใช้ที่เป็นผู้ชายมากกว่าเมื่อเทียบกับซีรีส์อื่นๆ เพราะให้ความรู้สึกที่หรูหราสง่างาม
มีสินค้าประเภทใดบ้างในตลาด?
สินค้าที่ลูกค้ามักนำมาให้ประเมินคือ 2 ประเภทหลักๆ ได้แก่ กระเป๋าสตางค์ รองลงมาคือกระเป๋าถือ อย่างไรก็ตาม GG Signature แบบดีไซน์หนังลูกวัวอันเป็นเอกลักษณ์ ก็มีจำหน่ายในรูปแบบอื่นๆ มากมายเช่นกัน เช่น เป้สะพายหลัง พวงกุญแจ รองเท้า และแม้แต่สิ่งของชิ้นเล็กๆ เช่น ไฟแช็ก ดีไซน์ระหว่างรุ่นเก่าและรุ่นใหม่มีความแตกต่างกันเล็กน้อย ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของซีรีส์นี้ที่เป็นที่ชื่นชอบมายาวนาน
แล้วจะรับซื้อได้ในราคาเท่าไรกันนะ?
เครื่องหมายการค้า 「GG pattern」 ถูกใช้มาตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1930 ดังนั้น จึงสามารถกล่าวได้ว่า 「GG Signature」 เป็นซีรีส์ที่มีประวัติศาสตร์ค่อนข้างยาวนาน ในร้านค้ารับซื้อสินค้านั้น สินค้าเก่ากับสินค้าใหม่มีความแตกต่างกันมาก แต่ถ้าเป็นของใหม่และผ่านการใช้งาน แต่สภาพเกือบจะของใหม่ ก็อาจสามารถรับซื้อได้ในราคามากกว่า 100,000 เยน (ประมาณ 25,000 บาท) สินค้าที่มักมีราคาสูง ได้แก่ กระเป๋าขนาดใหญ่ เช่น กระเป๋า 2WAY แต่จากที่ผ่านมา สินค้าขนาดใหญ่ เช่น เป้สะพายหลังและเป้สะพายหลัง ก็มักจะซื้อในราคาที่สูงเช่นกันค่ะ
นอกจากนี้แม้ว่ามีหลายๆ สีผลิตออกมา แต่สินค้า GG Signature ส่วนใหญ่ที่รับซื้อในราคาสูงมักจะเป็นสีดำค่ะ แม้ว่าสีดำจะให้ความรู้สึกหรูหรา แต่ก็สามารถมองเห็นสิ่งสกปรกได้ง่าย ดังนั้นสินค้าที่เป็นสีดำและอยู่ในสภาพดีจึงมีแนวโน้มที่จะมีมูลค่ามากกว่าค่ะ
จุดประเมินที่ส่งผลให้ GG Signature (Guccissima) มีราคารับซื้อสูง?
เช่นเดียวกับสินค้าแบรนด์อื่นๆ ประการแรก ก็คือ การตรวจสอบว่าเป็นสินค้าแท้หรือไม่ ซึ่งถือเป็นข้อกำหนดเบื้องต้นค่ะ (ตรวจสอบหมายเลขซีเรียล แท็กที่มีชื่อแบรนด์ และตัวดึงซิปเป็นต้นค่ะ) แน่นอนค่ะว่าสินค้าที่มีสภาพดีย่อมซื้อในราคาสูงกว่า แต่เกณฑ์ในการประเมินคือ วัสดุภายนอกซึ่งเป็นส่วนที่มองเห็นได้ชัดเจนที่สุดค่ะ
เนื่องจาก GG Signature มีพื้นผิวที่ไม่เรียบ จึงมีแนวโน้มที่สิ่งสกปรกและรอยขีดข่วนที่จะเกิดการสะสม (เช่น ขอบของตัวอักษร G) และสิ่งแรกที่เห็นได้ชัดคือ สีของพื้นที่เหล่านั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ เช่นเดียวกับแบรนด์อื่นๆ ค่ะ นอกจากนี้ จะต้องตรวจสอบสภาพของซิปและสภาพภายในกระเป๋าด้วยค่ะ ซึ่งก็สำคัญอย่างยิ่งไม่แพ้กัน
อันดับ 2 … GG Canvas
เหตุผลที่ทำให้ได้รับความนิยม…
GG Canvas ใช้ลวดลายโมโนแกรม GG แบบเดียวกัน แต่คุณสมบัติพิเศษคือทำจากผ้าใบ (ที่ทนทาน)
เป็นภาพลักษณ์ที่คลาสสิกที่สุดในบรรดา Gucci คือให้ความรู้สึกสบายๆ และยังคงเป็นที่ต้องการของกลุ่มผู้หญิงมากมายค่ะ!
มีสินค้าประเภทใดบ้างในท้องตลาด?
เมื่อนึกถึง GG Canvas หลายคนคงจะนึกถึงสีเบจอมน้ำตาลอ่อนซึ่งเป็นสีคลาสสิกของ Gucci กันนะคะ จริงๆ แล้วนี่เป็นสีที่พบบ่อยที่สุดในตลาดเลยค่ะ และยังมีสีอื่นๆ อย่างสีดำในท้องตลาด เช่นกัน แต่มีไม่มากนักค่ะ (เหตุผลหนึ่งอาจเป็นเพราะถึงแม้สีดำจะให้ความรู้สึกหรูหรา แต่ก็เกิดคราบสกปรกได้ง่าย และเมื่อเวลาผ่านไป สีดำจะสังเกตเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้นและดูแลรักษายากค่ะ) ยังมีสินค้าที่เป็นกระเป๋าสตางค์ด้วยนะคะ แต่สินค้าที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ เช่น กระเป๋า มักจะมีมากกว่า นอกจากนี้ ยังมีหมวก (หมวก/หมวกแก๊ป) และรองเท้าอีกด้วยนะคะ
แล้วจะรับซื้อได้ในราคาเท่าไรกันนะ?
ในส่วนของ GG canvas ความแตกต่างของราคาจะขึ้นอยู่กับสภาพของสินค้านั้นมากกว่ารุ่นอื่นๆ ของ Gucci ค่ะ
แน่นอนว่ามีสินค้าบางอย่างที่สามารถรับซื้อได้มากกว่า 100,000 เยน (ประมาณ 25,000 บาท) ไม่ใช่แค่ซีรีส์ GG canvas เท่านั้นนะคะ แต่ยังรวมถึงดีไซน์ที่เรียกว่า Sherry Line (แถบสีแดงและสีเขียว) หรือการคอลแลปกันต่างๆ อีกด้วยค่ะ เรียกได้ว่ามีหลายรุ่นที่มีการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์แทรกอยู่ในนั้น หรือมีการใช้ 「สีเน้น」 นอกเหนือจากผ้าสีเบจมาตรฐานค่ะ
ในเรื่องขอบเขตราคา มักจะมีราคาหลายหมื่นเยน โดยเฉพาะภายใน 50,000 เยน ราคาที่แตกต่างกันนี้ ก็ขึ้นอยู่ที่สภาพสินค้า เช่น สินค้าที่เกือบจะใหม่หรือไม่ได้ใช้ กับ สินค้าที่ใช้แล้วและมีร่องรอยการใช้งานบ้างนั้น ราคาจะค่อนข้างต่างกันมาก เมื่อเทียบกับยี่ห้ออื่นๆค่ะ
นอกจากนี้ GG canvas ดังที่ได้กล่าวไว้ในบทความแล้ว การกำจัดคราบ และการบำรุงรักษานั้นทำได้ค่อนข้างยาก จึงมักมีสินค้าที่มีสภาพที่เก่าในตลาดมือสองค่อนข้างมากค่ะ
Gucci รุ่นเก่าๆ มักถูกเรียกว่า 「OLD GUCCI」 ซึ่งผลิตก่อนปี 1980 นั้น ก็มีลูกค้านำมาให้รับซื้อจำนวนมากอยู่ค่ะ จะมีราคาที่สูงหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับว่าสภาพว่ามีร่องรอยความเสียหายมากน้อยหรือไม่ ด้วยเหตุนี้ ในส่วนของตลาดมือสอง ราคาจะต่างกันจะขึ้นอยู่กับสภาพ ว่าสภาพเสียหายมากน้อยแค่ไหนค่ะ
จุดประเมินที่ส่งผลให้ GG Canvas มีราคารับซื้อสูง?
มีบางอย่างที่เหมือนกันกับแบรนด์อื่น ๆ แต่ในกรณีของ GG Canvas มีสองจุดที่คุณจะเห็นได้ทันทีนะคะ
ประการแรกคือสัญญาณการใช้งานค่ะ เช่น สิ่งสกปรกหรือรอยขีดข่วนบนผ้า ในกรณีของผ้าแคนวาส คราบสกปรกเพียงเล็กน้อยก็มีแนวโน้มที่คราบดังกล่าวจะยังคงอยู่ และเมื่อเทียบกับผ้าอื่นๆ ก็ขจัดออกได้ยากค่ะ
ด้วยเหตุนี้ แม้รอยเปื้อนบนผืนผ้าใบเพียงเล็กน้อยก็ยังมีการตวจสอบอย่างละเอียด ซึ่งส่งผลต่อราคาประเมิน (ในทางกลับกัน สินค้าที่มีสภาพสวยงามตามเกณฑ์นี้ จะมีราคาสูงมากนะคะ)
อีกอย่างคือ 「รอยข่วนตรงมุม」 ที่เกิดขึ้นเมื่อมีการวางสินค้าลง ประเด็นเหล่านี้ก็เหมือนกันกับแบรนด์อื่นๆ และจุดตรวจสอบมาตรฐานอื่นๆ เช่น ที่จับ สายรัด ซิป และสภาพภายในก็มีความสำคัญเช่นกันค่ะ
อันดับ 3 … Bamboo
เหตุผลที่ทำให้ได้รับความนิยม…
ซีรีส์ Bamboo ของ Gucci โดดเด่นด้วยการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ซึ่งใช้ไม้ไผ่เป็นวัสดุอย่างแท้จริง โดยเป็นสินค้า Gucci ที่เปิดตัวในช่วงทศวรรษ 1980 เรียกว่า「OLD GUCC」 ซึ่งตรงกับช่วงฟองสบู่ของญี่ปุ่นพอดีและซีรีส์ Bamboo ก็ถือเป็นหนึ่งใน「OLD GUCC」
ที่ญี่ปุ่นนั้น ตรงกับยุคที่สินค้าแบรนด์เนมกำลังเฟื่องฟู จึงมีผู้ใช้และเป็นที่ชื่นชอบของเหล่าผู้หญิงจำนวนมาก การออกแบบไม่เพียงแต่ดูวินเทจเท่านั้น แต่ยังให้ความรู้สึกย้อนยุคอีกด้วย แต่ความแปลกใหม่ของการใช้ไม้ไผ่บวกกับความรู้สึกที่เบานั้นเข้ากันได้อย่างลงตัว ดังนั้นจึงยังคงได้รับความนิยมอย่างมาก!
ในตลาดการซื้อขายนั้น มีการรับซื้อเป็นจำนวนมาก แต่ด้วยความที่ Bamboo มีราคาซื้อขายสูงกว่าซีรีส์อื่นๆ อยู่แล้ว ดังนั้นราคารับซื้อจึงมีมูลค่าสูงกว่าค่ะ
มีสินค้าประเภทใดบ้างในตลาด?
จากการที่ไม้ไผ่ได้ถูกนำมาใช้เป็นที่จับกระเป๋า ทำให้ 「กระเป๋า」ได้รับความนิยมและกลายเป็นเอกลักษณ์ของซีรีส์ Bamboo
*ยังมีสินค้าอื่นๆ ในตลาด เช่น กระเป๋าสตางค์ กระเป๋า Pouch และพวงกุญแจ ซึ่งส่วนที่สัมผัสเท่านั้นที่ทำจากไม้ไผ่
เรียกได้ว่า เป็นซีรีส์ที่มีสีสันหลากหลายมากที่สุดในบรรดาซีรีส์ทั้งหมด และยกเว้นส่วนของด้ามจับที่ทำจากไม้ไผ่ เพราะอาจจะมีการใช้สีและวัสดุที่มีความหลากหลายไม่ตายตัว ในส่วนของรุ่นนี้ก็มีรายละเอียดยิบย่อยค่อนข้างมาก
ลักษณะเด่นอีกประการหนึ่งของซีรีส์ Bamboo นี้คือมีแนวโน้มที่จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท: แบบเก่ามากและแบบใหม่มาก
อาจเป็นเพราะว่าซีรีส์ Bamboo เองก็ออกช่วงปี 1980 เลยแบ่งเป็นกลุ่มที่ซื้อในยุคนั้นและมีเยอะ และ กลุ่มที่ซื้อรุ่นอินเทรนด์ใหม่ๆ หลังจาก Gucci รีแบรนด์ค่ะ
แล้วจะรับซื้อได้ในราคาเท่าไรกันนะ?
Bamboo เป็นซีรีย์เก่า แต่ราคารับซื้อ ถ้าสินค้ามีสภาพดีนั้นแพงกว่าซีรีย์อื่นมากเลยค่ะ
ไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะกล่าวว่าซีรีส์ Bamboo เป็นซีรีส์เดียวในบรรดา Gucci ที่มีตัวอย่างราคาซื้อที่เกิน 200,000 เยน (50,000 บาท) มากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีของสินค้ารียูส
สินค้าที่มักมีราคาสูงเป็นพิเศษ ได้แก่ ด้ามจับทำจากไม้ไผ่ ส่วนลำตัวมักจะทำจากวัสดุหรูหรา เช่น หนังนกกระจอกเทศหรือหนังจระเข้ ส่วนที่เหลือราคาจะมีความยืดหยุ่น
ในทางกลับกันก็มีบางรุ่นที่ออกสู่ตลาดมาประมาณ 40 ปีแล้ว แต่ราคากลับตกลงมาแบบถูกสุดๆ (โพลาไรซ์) ก็มีเหมือนกันค่ะ เรียกได้ว่าเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของซีรีส์ Bamboo เลยก็ว่าได้ค่ะ หากสภาพย่ำแย่อย่างมาก ราคาซื้ออาจลดลงเหลือหลักพันเยนกันเลยนะคะ
จุดประเมินที่ส่งผลให้ Bamboo มีราคารับซื้อสูง?
ในที่นี้ เราจะเน้นไปที่ “กระเป๋า” ซึ่งมีอัตราสัดส่วนที่ใหญ่ที่สุดของซีรีส์นี้กันค่ะ
ประการแรก ในช่วงราคาที่สูง การประเมินมักจะเน้นไปที่ประเด็นต่างๆ เช่น นอกเหนือจากไม้ไผ่ วัสดุที่ใช้ทำส่วนบอดี้กระเป๋าที่ทำมาจากอะไร และมีความเสียหายหรือสิ่งสกปรกที่สังเกตเห็นได้ชัดหรือไม่ (ซึ่งประเด็นการประเมินไม่แตกต่างจากกระเป๋าแบรนด์อื่นๆมากนัก)
สำหรับสินค้าที่ผ่านระยะเวลาค่อนข้างนาน การเปลี่ยนแปลงสภาพของส่วนที่เป็นไม้ไผ่ซึ่งเป็นบริเวณจุดสัมผัสนั้น ก็อาจเป็นตัวบ่งชี้ที่สำคัญเช่นกันค่ะ แม้ว่าอาจเสื่อมสภาพจากการจับซ้ำๆ แต่สิ่งที่พบบ่อยที่สุดคือการเปลี่ยนสีในบริเวณที่สัมผัสบ่อยๆ เช่น รอยคราบด่างดำ หากมีการตรวจพบการเปลี่ยนสีดังกล่าว จะถือว่าสินค้านั้นมีการใช้งานมากและส่งผลต่อราคาประเมินรับซื้อมากค่ะ จึงกล่าวได้ว่า การดูแลด้ามจับในแต่ละวันเป็นสิ่งสำคัญมากๆเลยนะคะ!
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับข้อมูลข้างต้น ส่วนอันดับที่ 4 และรองลงมาก็ตามนี้ค่ะ
อันดับที่ 4 Ophidia (โดยเฉพาะกระเป๋าสตางค์ที่มี Sherry line)
อันดับที่ 5 GG Moment (กระเป๋าสตางค์และกระเป๋าลายคลื่นกำลังเป็นที่นิยม)
อันดับที่ 6 G-Timeless (ซีรีย์นาฬิกามีจำหน่ายในราคาที่ค่อนข้างสมเหตุสมผล)
เท่าที่เห็นจากเว็บไซต์รับซื้อสินค้า สิ่งที่ดีเกี่ยวกับกุชชี่ก็คือ 「ตราบใดที่สภาพไม่ได้แย่ เช่น มีตำหนิหรือเสียหาย แม้แต่กุชชี่รุ่นเก่า (Old Gucci) ที่มีอายุประมาณ 40 ปีก็มักจะ สามารถซื้อได้ในราคาหลายพันเยนอยู่」 ค่ะ
(แน่นอนว่าหากดูราคาซื้อโดยรวมแล้ว เรียกได้ว่าเป็นยี่ห้อที่ราคารับซื้อค่อนข้างแพงค่ะ)
แม้ว่าจะมีช่วงเวลาตกต่ำเช่นกัน แต่ก็สามารถกล่าวได้ว่า มันก็เป็นจุดแข็งที่เป็นเอกลักษณ์ของ Gucci ในอดีต ซึ่งผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่าง「แนวทาง」 ที่สืบทอดมาจาก Gucci รุ่นเก่า และ 「ความมุ่งมั่นในแนวคิด」 ที่เพิ่งได้รับความนิยมนับตั้งแต่มีการฟื้นฟู
หากคุณมีสินค้าแบรนด์ Gucci ที่ต้องการเปลี่ยนหรือขาย โปรดอย่าลังเลที่จะใช้การประเมินราคาของเรากันนะคะ!
