fbpx

เผยซีรีส์ Chanel ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในการรับซื้อ 3 อันดับแรก! | จิวเวล คาเฟ่ ไทยแลนด์

อัพเดทวันที่: January 2, 2024

เผยซีรีส์ Chanel ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในการรับซื้อ 3 อันดับแรก! | จิวเวล คาเฟ่ ไทยแลนด์

Chanel (ชาแนล) เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่โด่งดังที่สุดในบรรดาสินค้าแบรนด์เนม สามารถกล่าวได้ว่า ในบรรดากลุ่มกระเป๋าถือและกระเป๋าสตางค์นั้น Chanel เป็นแบรนด์ที่มียอดการรับซื้อ และมีการสอบถามถึงมากที่สุด 「สภาพแบบนี้ก็สามารถรับซื้อได้ด้วยเหรอ?” 」 「ราคาจะอยู่ที่เท่าไหร่กันนะ?” 」 คำถามดังกล่าวเช่นนี้ มีการสอบถามเข้ามาเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งในซีรีส์ Chanel ที่ได้รับความนิยมและแพร่หลายมากที่สุด ในครั้งนี้ เราจะมาแนะนำเสน่ห์ของซีรีส์ยอดนิยม 3 อันดับแรกของ Chanel ซึ่งเป็นที่ต้องการสูงและขายหมดอย่างรวดเร็ว โดยเริ่มจากซีรีส์ที่เป็นที่นิยมมากที่สุดตามร้านรับซื้อสินค้า รวมถึงจุดต่างๆ ที่ต้องพิจารณาในการรับซื้อกันนะคะ!
สารบัญ
  1. ซีรีส์ Chanel ที่มียอดรับซื้อมากที่สุด 3 อันดับแรกในปี 2020 – 2021 ได้แก่!
    1. อันดับ 1 … Matelasse
    2. อันดับ 2 … Caviar Skin
    3. อันดับ 3 … J12

ซีรีส์ Chanel ที่มียอดรับซื้อมากที่สุด 3 อันดับแรกในปี 2020 – 2021 ได้แก่!

อันดับ 1 … Matelasse

○ เหตุผลที่ทำให้ได้รับความนิยม…

เมื่อนึกถึง Matelasse หลายๆ คนคงนึกถึง 「ลวดลายขัดแตะที่มีรูปทรงเพชรแนวทแยง」! Matelasse ซีรีส์คลาสสิกของ Chanel นี้ถูกสร้างขึ้นในปี 1929 และนับตั้งแต่นั้นมาก็มีความหมายแทนการออกแบบลักษณะนี้ของ Chanel และกลายเป็นซีส์คลาสสิกที่ใหญ่ที่สุดจนถึงทุกวันนี้ อย่างไรก็ตาม Matelasse ไม่ใช่ซีรีส์ที่แสดงรูปทรงเฉพาะเจาะจง แต่เป็นชื่อทั่วไปของผลิตภัณฑ์ที่มีรูปแบบการออกแบบเช่นนี้ จึงสามารถเรียกได้ว่าเป็น 「ซีรีส์การออกแบบ」 แน่นอนว่าเหตุผลที่ Matelasse ได้รับความนิยมก็เนื่องมาจากการออกแบบที่ยอดเยี่ยม อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากนั้น มีการกล่าวกันว่า Coco Chanel เป็นคนแรกที่สนับสนุนให้มีกระเป๋าสะพายที่สามารถห้อยบนไหล่ได้ ในขณะที่สมัยนั้นเวลาที่มีเพียงกระเป๋าถือเท่านั้น และกล่าวได้ว่า มีการใช้คำว่า Matelasse เพื่อแทนความหมายถึงกระเป๋าที่ออกแบบในลักษณะดังกล่าว กันอย่างแพร่หลายด้วยค่ะ!

○ มีสินค้าประเภทใดบ้างในตลาด?

ซีรีส์ดีไซน์ Matelasse เป็นที่นิยมใช้มากที่สุด เป็น 「กระเป๋าสะพายไหล่」 นอกจากนี้ Matelasse ยังใช้ในผลิตภัณฑ์อื่นๆ อยู่บ้าง เช่น กระเป๋าสตางค์ นาฬิกา และเครื่องประดับ เป็นต้น ซีรีส์ Matelasse ที่พบเห็นได้บ่อยที่สุดคือกระเป๋าประเภท 「กระเป๋าสะพายโซ่」 เช่น「Single Flap」 ซึ่งกล่าวกันว่าเป็นกระเป๋าสะพายที่ออกแบบเรียบง่ายที่สุดในบรรดากระเป๋าสะพายทั้งหมด ซีรีส์ Matelasse ที่ได้รับความนิยมรองลงมาคือกระเป๋าสตางค์ เช่น กระเป๋าสตางค์ใบยาวและกระเป๋าสตางค์พับสองทบ สีดำเป็นสีที่พบได้บ่อยที่สุด และดูเหมือนว่าจะกลายเป็นภาพจำที่ว่า「ถ้าพูดถึงสิ่งที่แสดงถึง Chanel หล่ะก็ สิ่งนั้นคือสีดำ」 แต่จริงๆแล้ว ก็มีสีอื่นๆ หลากหลาย เช่น สีแดง และนอกเหนือจากหนังสัตว์แล้ว ยังมี Matelasse ที่ทำจาก วัสดุผ้าทวีตและผ้าเดนิมอีกด้วยค่ะ

○ แล้วจะรับซื้อได้ในราคาเท่าไรกันนะ?

แม้ว่าเราจะรับซื้อสินค้ารีไซเคิล (มือสอง) แต่สินค้าระดับต้นๆ ที่อยู่ในสภาพเหมือนใหม่ มักจะขายได้ในราคามากกว่า 1 ล้านเยน (250,000 บาท) กระเป๋าเคลือบอีนาเมิล ที่สภาพดีเหมือนใหม่มักมีราคาสูงเป็นพิเศษ (ถ้าหากไม่มีคราบเปื้อน จะมีราคาสูง) นอกจากนี้ กระเป๋าสะพายไหล่มักจะมีราคาสูงไม่ว่าจะมีสีอะไร สำหรับ Matelasse หากเป็นสินค้ามือสองสภาพดีมักจะรับซื้อหรือขายได้ในราคามากกว่า 100,000 เยน และในการประมูลสินค้าแบรนด์มือสองจะขายในราคาระหว่าง 100,000 เยนถึง 400,000 เยน (ประมาณ 25,000 – 100,000 บาท) นอกจากนี้ แม้จะอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่มีความเสียหายและรอยขีดข่วนบนเนื้อผ้าที่เห็นได้ชัดเจนก็ยังขายได้ในราคาหลายหมื่นเยนจึงเรียกได้ว่าราคาซีรีย์นี้ตกลงยากเมื่อเทียบกับยี่ห้ออื่น

○ จุดประเมินที่ส่งผลให้ Matelasse มีราคารับซื้อสูง?

จุดสำหรับการประเมิน Matelasse นั้น จะให้ความสำคัญกับส่วนที่เป็นพื้นผิวส่วนหน้าอย่างวัสดุ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความสมบูรณ์ของวัสดุ พื้นผิวล้อมรอบด้วยตารางรูปเพชร หากสินค้าที่ยังมีสภาพใหม่อยู่ จะมีความนูนอยู่ในระดับนึง เมื่อสิ่งนี้ค่อยๆ เสื่อมลงก็ ความนูนก็จะลดลง วัสดุก็จะค่อยๆ สูญเสียความตึงและความแน่น และกลายเป็นแบน นี่เป็นหนึ่งในประเด็นที่พบบ่อยที่สุดในการพิจารณาว่า สินค้ามือสองนั้นอยู่ในสภาพดีหรือไม่ แม้จะกล่าวได้ว่า ประเด็นเหล่านี้ก็สามารถใช้ได้กับซีรีส์อื่นๆที่ไม่ใช่ Chanel ได้ด้วยเช่นกัน แต่เมื่อพูดถึงกระเป๋า ก็จะต้องตรวจเช็คจุดที่สังเกตุเห็นได้ชัดเจน เช่น รอยขีดข่วนหรือความเสียหายที่มุมทั้งสี่ด้าน ความเสียหายบนอุปกรณ์โลหะบนไหล่โซ่หรือไม่ * นอกจากนี้ ในส่วนของการประเมินกระเป๋าทั่วไป ก็จำเป็นต้องตรวจสอบในส่วนภายในด้วยเช่นกัน ว่ามีร่องรอยความเสียหาย หรือรอยคราบเหนียวหรือไม่

อันดับ 2 … Caviar Skin

○ เหตุผลที่ทำให้ได้รับความนิยม…

ถ้าพูดถึง Caviar Skin ของ Chanel ออกมาสั้นๆ ก็คือ 「ผลิตภัณฑ์เครื่องหนังที่เป็นจุดๆสีดำ」คล้ายกับไข่ปลาคาเวียร์ เมื่อเทียบกับพื้นผิวอื่นๆ เช่น หนังทั่วไปแล้ว เป็นวัสดุที่แข็งกว่า จึงมีโอกาสเกิดรอยเสียหายน้อยกว่า และหลายคนชอบเพราะทนทานและใช้งานได้ยาวนานกว่า! (อย่างไรก็ตาม หนังคาเวียร์ของ Chanel ทำจากหนังวัวค่ะ) หลายๆ คนยังชอบดีไซน์นี้เพราะให้ความรู้สึกหนักและถือง่าย และน้ำหนักที่พอดีก็ให้ความรู้สึกหรูหรา อย่างไรก็ตาม หนังคาเวียร์ก็ไม่ใช่ชื่อของซีรีย์เฉพาะเช่นกัน เนื่องจากมหมายถึงรายการสินค้าทั้งหมดที่วัสดุพื้นผิวประเภทนี้ ดังนั้นแน่นอนว่า จะต้องมีสินค้าลอกเลียนแบบ เช่น กระเป๋า Chanel’s 「ที่เป็นทั้งหนัง Matelassé และหนังคาเวียร์」 ด้วยเหตุนี้ จึงมีหนังคาเวียร์จำนวนมากในท้องตลาด และเช่น Yahoo Auctions มีหนังคาเวียร์มือสองมากกว่า 2,400 รายการลงรายการขาย *ข้อมูล ณ เดือนพฤษภาคม 2022

○ มีสินค้าประเภทใดบ้างในท้องตลาด?

ในกรณีของหนังคาเวียร์นั้น จะแตกต่างจาก Matelasse ที่แนะนำข้างต้นค่ะ ซึ่งจะพบบ่อยในกระเป๋าสตางค์มากกว่าประเป๋าถือ กระเป๋าสตางค์เมื่อเทียบกับกระเป๋าถือแล้วมักจะมีเปิดใช้และมีการหยิบสิ่งของเข้าออกมาเป็นประจำ ดังนั้นโอกาสที่ได้สัมผัสโดยตรงมีมากกว่า ด้วยเหตุนี้ หนังคาเวียร์จึงมีความทนทานและให้ความรู้สึกที่ดีเมื่อสัมผัส ดังนั้นจึงมักนิยมใช้เป็นกระเป๋าสตางค์ค่ะ! นอกจากกระเป๋าสตางค์แล้ว ยังพบเห็นหนังคาเวียร์ ได้ในกระเป๋าชนิดอื่นๆ เช่น กระเป๋าสะพายไหล่ กระเป๋าโท้ต และกระเป๋าถือสุดคลาสสิกของ Chanel ในส่วนของสีนั้น สีดำก็ยังถูกผลิตออกมามากกว่าสีอื่นๆ ส่วนสีอื่นๆ เช่น สีเบจ สีแดง และสีขาว ก็มีให้เห็นเช่นกัน แต่ไม่ได้มีจำนวนมาก ※ ถ้าเป็นสีอื่นๆที่ไม่ใช่สีดำ อาจทำให้ผู้ใช้เกิดความรู้สึกที่ว่าสามารถเกิดคราบสกปรกได้ง่ายกว่า เลยมีจำนวนน้อยค่ะ

○ แล้วจะรับซื้อได้ในราคาเท่าไรกันนะ?

หนังคาเวียร์ที่สภาพดีเหมือนใหม่และไม่ค่อยได้ใช้สามารถขายได้ในราคามากกว่า 1ล้านเยน (ประมาณ 250,000 บาท) นอกจากนี้ แม้แต่สินค้ามือสองที่มีราคาค่อนข้างแพงและมีราคาสูงกว่า 2 แสนเยน (ประมาณ 50,000 บาท) ก็มีแนวโน้มที่จะเป็นกระเป๋าสะพายใบใหญ่มากกว่ากระเป๋าสตางค์ (นอกจากนี้ ไม่เพียงแต่ Caviar Skin เท่านั้น แต่ยังรุ่นที่ออกแบบประเภท Matelasse มีราคาสูงเช่นกัน) ในส่วนของ 「กระเป๋าสตางค์」ที่พบเห็นได้ทั่วไปในหนังคาเวียร์นั้น หากเป็นของมือสองและอยู่ในสภาพที่ดี ก็เป็นเรื่องปกติหากราคาอาจจะเกินกว่า 100,000 เยน (ประมาณ 25,000 บาท) อย่างไรก็ตามหากพื้นผิวมีร่องรอยการใช้งานและมีความเสียหายบ้างราคาก็มักจะอยู่ที่หลายหมื่นเยน อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับ Matelasse โอกาสน้อยมากๆ หากราคาซื้อขายหนังคาเวียร์จะต่ำกว่า 10,000 เยน (ประมาณ 2,500 บาท) เว้นแต่จะอยู่ในสภาพที่แย่มากค่ะ เรียกได้ว่าเป็นจุดเด่นเฉพาะของแบรนด์ยอดนิยมและซีรีส์ยอดนิยมก็ว่าได้ค่ะ!

○ จุดประเมินที่ส่งผลให้ Caviar Skin มีราคารับซื้อสูง?

จุดประเมินที่ไม่เหมือนใครประการหนึ่งสำหรับ Caviar Skin ก็คือ 「มีสิ่งสกปรกจำนวนเล็กน้อยติดอยู่ระหว่างเม็ดละเอียดบนพื้นผิวหรือไม่」 * โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เนื่องจากสีตรงส่วนรอยคาร์เวียร์จะมีความเข้มเป็นพิเศษ หากมีฝุ่นหรือสิ่งสกปรกสะสมจะสังเกตเห็นได้ชัดเจน เมื่อมีการประเมินการใช้งานของหนังคาเวียร์ เรามักจะใช้ปริมาณของคราบเหล่านี้เป็นเกณฑ์มาตรฐานอีกด้วยนะคะ นอกจากนี้ แม้ว่าพื้นผิวของ Caviar Skin จะค่อนข้างแข็งและทนทาน แต่ส่วนตรง 「มุม」 ก็มีแนวโน้มที่จะเกิดรอยขีดข่วนได้จากการใช้งานเช่นเดียวกับสิ่งของอื่นๆ ค่ะ นอกจากนี้ ในกรณีของ Caviar Skin นั้น การประเมินอาจจะครอบคลุมไปถึง Matelasse และอุปกรณ์ต่างๆ ดังนั้น เหมือนกับที่กล่าวไว้ข้างต้นค่ะ เราจะคำนวณการประเมินราคาตามการเปลี่ยนแปลงในสภาพทั่วไป เช่น ความเสียหายต่อข้อต่อโลหะ เช่น โซ่ สภาพภายใน เป็นต้น นะคะ

อันดับ 3 … J12

○ เหตุผลที่ทำให้ได้รับความนิยม…

อาจจะฟังดูน่าแปลกใจ แต่ J12 เป็นซีรีส์ “นาฬิกา” มากกว่าที่จะกระเป๋าและกระเป๋าสตางค์ของ Chanel แม้ว่าจำนวนสินค้าตามท้องตลาดจะไม่มากเท่ากับกระเป๋าและกระเป๋าสตางค์ แต่ราคาเฉลี่ยก็สูงและหากสินค้ายังอยู่ในสภาพดี เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในซีรีส์ยอดนิยมของ Chanel เลยค่ะ ประวัติความเป็นมาของ J12 นั้นค่อนข้างใหม่ โดยถูกสร้างขึ้นในปี 2000 ในฐานะ 「นาฬิกาข้อมือระบบกลไกเต็มรูปแบบเรือนแรก」 ในบรรดานาฬิกาของ Chanel ทั้งหมด จะมีความต่างจากนาฬิการุ่นก่อนๆ ที่มุ่งเป้าไปที่ผู้หญิงมากกว่า แต่ซีรีส์นี้มุ่งเป้าไปที่ผู้ชายมากกว่า คุณลักษณะประการหนึ่งคือใช้ 「เซรามิกไฮเทค」 เกรดอุตสาหกรรมจำนวนมาก ซึ่งมักไม่ค่อยนิยมใช้เป็นวัสดุสำหรับนาฬิกาค่ะ แม้จะไม่ได้บอกว่าทนทานกว่า แต่ก็คิดว่าเหตุผลที่ทำให้ได้รับความนิยมก็คือ ประสบความสำเร็จในการสร้างความรู้สึกหรูหราอันเป็นเอกลักษณ์ บวกกับผสมผสานกับการออกแบบอันซับซ้อนของ Chanel (และยังได้รับความนิยมมากขึ้นอีก หลังจากประสบความสำเร็จในการสร้างกลไกที่เป็นเอกลักษณ์เมื่อประมาณสามปีที่แล้วค่ะ)

○ มีสินค้าประเภทใดบ้างในตลาด?

สามารถพูดได้เลยว่า J12 เป็นซีรีส์ที่มุ่งเป้าไปที่ผู้ชายมากกว่าผู้หญิงค่ะ ในส่วนของสีก็จะมีสีดำหรือสีขาว ซึ่งมีมานานแล้ว และเมื่อรวม 2 สีนี้เข้าด้วยกันก็ยิ่งได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม ขนาดตัวเรือนส่วนใหญ่คือ 33 มม. และ 38 มม. โดยขนาดแรกสำหรับผู้หญิงและอีกขนาดสำหรับผู้ชาย ปัจจุบันมีแนวโน้มที่คนจะลงทุนในนาฬิการะดับไฮเอนด์ที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก รวมถึงแบรนด์อื่นๆ เช่น Rolex ส่วน J12 ยังมีคนเป็นเจ้าของและยังไม่นำมาปล่อยขายอยู่จำนวนมาก บวกกับราคาต่อหน่วยสูง สินค้าในท้องตลาดจึงอาจจะยังมีไม่มากค่ะ ในส่วนของสินค้าที่นำกลับมาใช้ใหม่ (มือสอง) ดูเหมือนว่ากลไกแบบดั้งเดิมเน้นใช้งานปกติทั่วไปจะมีอยู่ในท้องตลาดมากกว่าก่อนปี 2018

○ แล้วจะรับซื้อได้ในราคาเท่าไรกันนะ?

ในกรณีของ J12 ราคาจะอยู่ระหว่างประมาณ 500,000 เยน ถึง 5 ล้านเยน (ประมาณ 125,000 – 1,250,000 บาท) สำหรับสินค้าใหม่ และก็ขึ้นอยู่กับวัสดุด้วยค่ะ อย่างไรก็ตาม ในเรื่องของปริมาณการซื้อขาย เนื่องจากไม่ใช่แบรนด์นาฬิกาที่มีราคาแพงมาก จึงมีกรณีที่สามารถรับซื้อที่ได้ราคามากกว่า 1 ล้านเยนอยู่น้อยมากๆ รู้สึกว่าปริมาณการซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 500,000 เยน แต่ส่วนใหญ่อยู่ในช่วง 200,000 ถึง 800,000 เยนค่ะ (ประมาณ 50,000 – 200,000 บาท) J12 ที่ผ่านการใช้งานทั่วๆไป ก็สามารถซื้อขายได้ในราคาประมาณนั้นนะคะ แต่หากมีรอยขีดข่วนหรือร่องรอยการใช้งานที่เห็นได้ชัดเจน ราคาก็อาจตกลงมาประมาณที่ 100,000 เยนได้เลยค่ะ (ประมาณ 25,000 บาท)

○ จุดประเมินที่ส่งผลให้ J12 มีราคารับซื้อสูง?

ในกรณีของ J12 เราจะตรวจสอบชิ้นส่วนพื้นฐานเพื่อดูการสึกหรอ เช่นเดียวกับนาฬิกาหรูแบรนด์อื่นๆ ตัวอย่างเช่น ○ มีสิ่งสกปรก ฝุ่น สนิม ฯลฯ อยู่ในช่องว่างระหว่างสายนาฬิกาหรือไม่? ○ มีรอยขีดข่วนเล็กๆ บนกระจกหน้าหรือไม่? ○ กรอบมีการหมุนเล่นมากเกินไปหรือไม่? ฯลฯ นอกจากนี้ ในส่วนของสินค้า Chanel อื่นๆนั้น จะต้องตรวจเช็คอีกด้วยว่ายังมี ใบรับประกัน อุปกรณ์ที่แถมมากับสินค้า อยู่หรือไม่ ซึ่งจะมีผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือและราคาประเมินมากกว่าแบรนด์อื่นๆ ค่ะ ไม่เพียงแต่ใบรับประกันเท่านั้น แต่ยังรวมถึงอุปกรณ์เสริมที่มากับตัวสินค้าด้วย เช่น กล่อง และชิ้นส่วนปรับสร้อยข้อมือ หากคุณมีครบชุด ก็สามารถรับซื้อได้ในราคาที่สูงขึ้นอีกนะคะ! เป็นอย่างไรบ้างคะ? อย่างไรก็ตามสำหรับอันดับที่ 4 และรองลงมาก็คือ… อันดับที่ 4 New Travel Line (กระเป๋า) อันดับที่ 5 5℃ (น้ำหอม) อันดับที่ 6 Cambon (กระเป๋าสตางค์ กระเป๋า ฯลฯ) เท่าที่เห็นจากเว็บไซต์ร้านรับซื้อ ข้อดีของ Chanel ก็คือถึงแม้จะเก่าแล้ว ก็ยังมีแนวโน้มที่สามารถขายได้ราคาดีอยู่ 「หลายหมื่นเยนขึ้นไป」 เว้นแต่ว่าอยู่ในสภาพที่แย่มากๆ! (แน่นอนค่ะว่า โดยเฉลี่ยแล้ว Chanel เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่แพงที่สุดเลยทีเดียว) นอกจากนี้ยังสามารถกล่าวได้ว่าเป็นจุดแข็งที่เป็นเอกลักษณ์ของ Chanel ซึ่งมีประวัติศาสตร์อันยาวนานในการผสมผสานกันระหว่าง 「การออกแบบ」 และ 「คอนเซ็ปต์」 ที่ได้รับอย่างประณีตและลงตัว หากคุณมี Chanel ที่ต้องการเปลี่ยนเป็นรุ่นใหม่หรือขาย โปรดไว้วางใจให้เราได้ประเมินสินค้านะคะ!

ผู้เขียนคอลัมน์

author Yasui Osamu นักเขียนแวดวงรียูส

จบการศึกษาจากภาควิชามนุษยสัมพันธ์ คณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเคโอ ตั้งแต่ปี 1999 มีประสบการณ์ในบริหารทั้งโรงเรียนกวดวิชา สำนักงานให้คำปรึกษาเรื่องการแต่งงาน และร้านธุรกิจรียูสโดยเฉพาะ ตั้งอยู่ในใจกลาง จ.คานากาว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ร้านธุรกิจรียูสนั้นเป็นการซื้อขาดอย่างมีกลยุทธ์ หลังจากเปิดมาได้กว่า 30 แห่งในตัวจังหวัด ตั้งแต่นั้นมา ได้ผันตัวมาทำงานเป็นนักเขียน คอลัมนิสต์ และที่ปรึกษาที่เชี่ยวชาญด้านอีคอมเมิร์ซและอุตสาหกรรมข้ามพรมแดน

สำหรับการซื้อสินค้า Luxury ราคาแพง,
ปล่อยให้ร้าน Jewel Cafe

Jewel Cafe banner

Jewel Cafe ครองอันดับ
1 ด้านความพึงพอใจในการใช้บริการของลูกค้า

  • ราคาสูงจนน่าตกใจทั้งในประเทศและต่างประเทศ เครือข่ายกระจาย!
  • ธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมด้วยร้านค้ากว่า 250 แห่ง!
  • บริการทำความสะอาดเครื่องประดับฟรีที่หลายคนชื่นชอบ!
  • ไม่มีค่าธรรมเนียมการยกเลิกไม่ว่าจะซื้อด้วยวิธีใด!
บทความนี้ยังถูกอ่าน!

ค้นหาร้าน JEWEL CAFÉ ใกล้บ้านคุณ

เรามีพนักงานหญิงที่มีความรู้ด้านผลิตภัณฑ์มากมายและมีขั้นตอนการประเมินที่รวดเร็ว เพียง 10 นาทีจากเวลาที่คุณมาที่ร้านเพื่อชำระเงิน! ถ้าคุณสนใจ ในการประเมินและให้คำปรึกษาอย่างรวดเร็ว เราขอแนะนำให้ไปที่ร้านค้าของเรา!

ค้นหาร้านค้า
ค้นหาร้านค้าใกล้คุณ