Chanel (ชาแนล) เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่โด่งดังที่สุดในบรรดาสินค้าแบรนด์เนม
สามารถกล่าวได้ว่า ในบรรดากลุ่มกระเป๋าถือและกระเป๋าสตางค์นั้น Chanel เป็นแบรนด์ที่มียอดการรับซื้อ และมีการสอบถามถึงมากที่สุด
「สภาพแบบนี้ก็สามารถรับซื้อได้ด้วยเหรอ?” 」
「ราคาจะอยู่ที่เท่าไหร่กันนะ?” 」
คำถามดังกล่าวเช่นนี้ มีการสอบถามเข้ามาเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งในซีรีส์ Chanel ที่ได้รับความนิยมและแพร่หลายมากที่สุด
ในครั้งนี้ เราจะมาแนะนำเสน่ห์ของซีรีส์ยอดนิยม 3 อันดับแรกของ Chanel ซึ่งเป็นที่ต้องการสูงและขายหมดอย่างรวดเร็ว โดยเริ่มจากซีรีส์ที่เป็นที่นิยมมากที่สุดตามร้านรับซื้อสินค้า รวมถึงจุดต่างๆ ที่ต้องพิจารณาในการรับซื้อกันนะคะ!
ซีรีส์ Chanel ที่มียอดรับซื้อมากที่สุด 3 อันดับแรกในปี 2020 – 2021 ได้แก่!
อันดับ 1 … Matelasse
○ เหตุผลที่ทำให้ได้รับความนิยม…
เมื่อนึกถึง Matelasse หลายๆ คนคงนึกถึง 「ลวดลายขัดแตะที่มีรูปทรงเพชรแนวทแยง」!
Matelasse ซีรีส์คลาสสิกของ Chanel นี้ถูกสร้างขึ้นในปี 1929 และนับตั้งแต่นั้นมาก็มีความหมายแทนการออกแบบลักษณะนี้ของ Chanel และกลายเป็นซีส์คลาสสิกที่ใหญ่ที่สุดจนถึงทุกวันนี้
อย่างไรก็ตาม Matelasse ไม่ใช่ซีรีส์ที่แสดงรูปทรงเฉพาะเจาะจง แต่เป็นชื่อทั่วไปของผลิตภัณฑ์ที่มีรูปแบบการออกแบบเช่นนี้ จึงสามารถเรียกได้ว่าเป็น 「ซีรีส์การออกแบบ」
แน่นอนว่าเหตุผลที่ Matelasse ได้รับความนิยมก็เนื่องมาจากการออกแบบที่ยอดเยี่ยม
อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากนั้น มีการกล่าวกันว่า Coco Chanel เป็นคนแรกที่สนับสนุนให้มีกระเป๋าสะพายที่สามารถห้อยบนไหล่ได้ ในขณะที่สมัยนั้นเวลาที่มีเพียงกระเป๋าถือเท่านั้น และกล่าวได้ว่า มีการใช้คำว่า Matelasse เพื่อแทนความหมายถึงกระเป๋าที่ออกแบบในลักษณะดังกล่าว กันอย่างแพร่หลายด้วยค่ะ!
○ มีสินค้าประเภทใดบ้างในตลาด?
ซีรีส์ดีไซน์ Matelasse เป็นที่นิยมใช้มากที่สุด เป็น 「กระเป๋าสะพายไหล่」
นอกจากนี้ Matelasse ยังใช้ในผลิตภัณฑ์อื่นๆ อยู่บ้าง เช่น กระเป๋าสตางค์ นาฬิกา และเครื่องประดับ เป็นต้น
ซีรีส์ Matelasse ที่พบเห็นได้บ่อยที่สุดคือกระเป๋าประเภท 「กระเป๋าสะพายโซ่」 เช่น「Single Flap」 ซึ่งกล่าวกันว่าเป็นกระเป๋าสะพายที่ออกแบบเรียบง่ายที่สุดในบรรดากระเป๋าสะพายทั้งหมด
ซีรีส์ Matelasse ที่ได้รับความนิยมรองลงมาคือกระเป๋าสตางค์ เช่น กระเป๋าสตางค์ใบยาวและกระเป๋าสตางค์พับสองทบ
สีดำเป็นสีที่พบได้บ่อยที่สุด และดูเหมือนว่าจะกลายเป็นภาพจำที่ว่า「ถ้าพูดถึงสิ่งที่แสดงถึง Chanel หล่ะก็ สิ่งนั้นคือสีดำ」 แต่จริงๆแล้ว ก็มีสีอื่นๆ หลากหลาย เช่น สีแดง และนอกเหนือจากหนังสัตว์แล้ว ยังมี Matelasse ที่ทำจาก วัสดุผ้าทวีตและผ้าเดนิมอีกด้วยค่ะ
○ แล้วจะรับซื้อได้ในราคาเท่าไรกันนะ?
แม้ว่าเราจะรับซื้อสินค้ารีไซเคิล (มือสอง) แต่สินค้าระดับต้นๆ ที่อยู่ในสภาพเหมือนใหม่ มักจะขายได้ในราคามากกว่า 1 ล้านเยน (250,000 บาท)
กระเป๋าเคลือบอีนาเมิล ที่สภาพดีเหมือนใหม่มักมีราคาสูงเป็นพิเศษ (ถ้าหากไม่มีคราบเปื้อน จะมีราคาสูง)
นอกจากนี้ กระเป๋าสะพายไหล่มักจะมีราคาสูงไม่ว่าจะมีสีอะไร
สำหรับ Matelasse หากเป็นสินค้ามือสองสภาพดีมักจะรับซื้อหรือขายได้ในราคามากกว่า 100,000 เยน และในการประมูลสินค้าแบรนด์มือสองจะขายในราคาระหว่าง 100,000 เยนถึง 400,000 เยน (ประมาณ 25,000 – 100,000 บาท)
นอกจากนี้ แม้จะอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่มีความเสียหายและรอยขีดข่วนบนเนื้อผ้าที่เห็นได้ชัดเจนก็ยังขายได้ในราคาหลายหมื่นเยนจึงเรียกได้ว่าราคาซีรีย์นี้ตกลงยากเมื่อเทียบกับยี่ห้ออื่น
○ จุดประเมินที่ส่งผลให้ Matelasse มีราคารับซื้อสูง?
จุดสำหรับการประเมิน Matelasse นั้น จะให้ความสำคัญกับส่วนที่เป็นพื้นผิวส่วนหน้าอย่างวัสดุ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความสมบูรณ์ของวัสดุ
พื้นผิวล้อมรอบด้วยตารางรูปเพชร หากสินค้าที่ยังมีสภาพใหม่อยู่ จะมีความนูนอยู่ในระดับนึง
เมื่อสิ่งนี้ค่อยๆ เสื่อมลงก็ ความนูนก็จะลดลง วัสดุก็จะค่อยๆ สูญเสียความตึงและความแน่น และกลายเป็นแบน
นี่เป็นหนึ่งในประเด็นที่พบบ่อยที่สุดในการพิจารณาว่า สินค้ามือสองนั้นอยู่ในสภาพดีหรือไม่
แม้จะกล่าวได้ว่า ประเด็นเหล่านี้ก็สามารถใช้ได้กับซีรีส์อื่นๆที่ไม่ใช่ Chanel ได้ด้วยเช่นกัน แต่เมื่อพูดถึงกระเป๋า ก็จะต้องตรวจเช็คจุดที่สังเกตุเห็นได้ชัดเจน เช่น รอยขีดข่วนหรือความเสียหายที่มุมทั้งสี่ด้าน ความเสียหายบนอุปกรณ์โลหะบนไหล่โซ่หรือไม่
* นอกจากนี้ ในส่วนของการประเมินกระเป๋าทั่วไป ก็จำเป็นต้องตรวจสอบในส่วนภายในด้วยเช่นกัน ว่ามีร่องรอยความเสียหาย หรือรอยคราบเหนียวหรือไม่
อันดับ 2 … Caviar Skin
○ เหตุผลที่ทำให้ได้รับความนิยม…
ถ้าพูดถึง Caviar Skin ของ Chanel ออกมาสั้นๆ ก็คือ 「ผลิตภัณฑ์เครื่องหนังที่เป็นจุดๆสีดำ」คล้ายกับไข่ปลาคาเวียร์
เมื่อเทียบกับพื้นผิวอื่นๆ เช่น หนังทั่วไปแล้ว เป็นวัสดุที่แข็งกว่า จึงมีโอกาสเกิดรอยเสียหายน้อยกว่า และหลายคนชอบเพราะทนทานและใช้งานได้ยาวนานกว่า!
(อย่างไรก็ตาม หนังคาเวียร์ของ Chanel ทำจากหนังวัวค่ะ)
หลายๆ คนยังชอบดีไซน์นี้เพราะให้ความรู้สึกหนักและถือง่าย และน้ำหนักที่พอดีก็ให้ความรู้สึกหรูหรา
อย่างไรก็ตาม หนังคาเวียร์ก็ไม่ใช่ชื่อของซีรีย์เฉพาะเช่นกัน
เนื่องจากมหมายถึงรายการสินค้าทั้งหมดที่วัสดุพื้นผิวประเภทนี้ ดังนั้นแน่นอนว่า จะต้องมีสินค้าลอกเลียนแบบ เช่น กระเป๋า Chanel’s 「ที่เป็นทั้งหนัง Matelassé และหนังคาเวียร์」
ด้วยเหตุนี้ จึงมีหนังคาเวียร์จำนวนมากในท้องตลาด และเช่น Yahoo Auctions มีหนังคาเวียร์มือสองมากกว่า 2,400 รายการลงรายการขาย
*ข้อมูล ณ เดือนพฤษภาคม 2022
○ มีสินค้าประเภทใดบ้างในท้องตลาด?
ในกรณีของหนังคาเวียร์นั้น จะแตกต่างจาก Matelasse ที่แนะนำข้างต้นค่ะ ซึ่งจะพบบ่อยในกระเป๋าสตางค์มากกว่าประเป๋าถือ
กระเป๋าสตางค์เมื่อเทียบกับกระเป๋าถือแล้วมักจะมีเปิดใช้และมีการหยิบสิ่งของเข้าออกมาเป็นประจำ ดังนั้นโอกาสที่ได้สัมผัสโดยตรงมีมากกว่า
ด้วยเหตุนี้ หนังคาเวียร์จึงมีความทนทานและให้ความรู้สึกที่ดีเมื่อสัมผัส ดังนั้นจึงมักนิยมใช้เป็นกระเป๋าสตางค์ค่ะ!
นอกจากกระเป๋าสตางค์แล้ว ยังพบเห็นหนังคาเวียร์ ได้ในกระเป๋าชนิดอื่นๆ เช่น กระเป๋าสะพายไหล่ กระเป๋าโท้ต และกระเป๋าถือสุดคลาสสิกของ Chanel
ในส่วนของสีนั้น สีดำก็ยังถูกผลิตออกมามากกว่าสีอื่นๆ ส่วนสีอื่นๆ เช่น สีเบจ สีแดง และสีขาว ก็มีให้เห็นเช่นกัน แต่ไม่ได้มีจำนวนมาก ※ ถ้าเป็นสีอื่นๆที่ไม่ใช่สีดำ อาจทำให้ผู้ใช้เกิดความรู้สึกที่ว่าสามารถเกิดคราบสกปรกได้ง่ายกว่า เลยมีจำนวนน้อยค่ะ
○ แล้วจะรับซื้อได้ในราคาเท่าไรกันนะ?
หนังคาเวียร์ที่สภาพดีเหมือนใหม่และไม่ค่อยได้ใช้สามารถขายได้ในราคามากกว่า 1ล้านเยน (ประมาณ 250,000 บาท)
นอกจากนี้ แม้แต่สินค้ามือสองที่มีราคาค่อนข้างแพงและมีราคาสูงกว่า 2 แสนเยน (ประมาณ 50,000 บาท) ก็มีแนวโน้มที่จะเป็นกระเป๋าสะพายใบใหญ่มากกว่ากระเป๋าสตางค์
(นอกจากนี้ ไม่เพียงแต่ Caviar Skin เท่านั้น แต่ยังรุ่นที่ออกแบบประเภท Matelasse มีราคาสูงเช่นกัน)
ในส่วนของ 「กระเป๋าสตางค์」ที่พบเห็นได้ทั่วไปในหนังคาเวียร์นั้น หากเป็นของมือสองและอยู่ในสภาพที่ดี ก็เป็นเรื่องปกติหากราคาอาจจะเกินกว่า 100,000 เยน (ประมาณ 25,000 บาท)
อย่างไรก็ตามหากพื้นผิวมีร่องรอยการใช้งานและมีความเสียหายบ้างราคาก็มักจะอยู่ที่หลายหมื่นเยน
อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับ Matelasse โอกาสน้อยมากๆ หากราคาซื้อขายหนังคาเวียร์จะต่ำกว่า 10,000 เยน (ประมาณ 2,500 บาท) เว้นแต่จะอยู่ในสภาพที่แย่มากค่ะ
เรียกได้ว่าเป็นจุดเด่นเฉพาะของแบรนด์ยอดนิยมและซีรีส์ยอดนิยมก็ว่าได้ค่ะ!
○ จุดประเมินที่ส่งผลให้ Caviar Skin มีราคารับซื้อสูง?
จุดประเมินที่ไม่เหมือนใครประการหนึ่งสำหรับ Caviar Skin ก็คือ 「มีสิ่งสกปรกจำนวนเล็กน้อยติดอยู่ระหว่างเม็ดละเอียดบนพื้นผิวหรือไม่」
* โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เนื่องจากสีตรงส่วนรอยคาร์เวียร์จะมีความเข้มเป็นพิเศษ หากมีฝุ่นหรือสิ่งสกปรกสะสมจะสังเกตเห็นได้ชัดเจน เมื่อมีการประเมินการใช้งานของหนังคาเวียร์ เรามักจะใช้ปริมาณของคราบเหล่านี้เป็นเกณฑ์มาตรฐานอีกด้วยนะคะ
นอกจากนี้ แม้ว่าพื้นผิวของ Caviar Skin จะค่อนข้างแข็งและทนทาน แต่ส่วนตรง 「มุม」 ก็มีแนวโน้มที่จะเกิดรอยขีดข่วนได้จากการใช้งานเช่นเดียวกับสิ่งของอื่นๆ ค่ะ
นอกจากนี้ ในกรณีของ Caviar Skin นั้น การประเมินอาจจะครอบคลุมไปถึง Matelasse และอุปกรณ์ต่างๆ ดังนั้น เหมือนกับที่กล่าวไว้ข้างต้นค่ะ เราจะคำนวณการประเมินราคาตามการเปลี่ยนแปลงในสภาพทั่วไป เช่น ความเสียหายต่อข้อต่อโลหะ เช่น โซ่ สภาพภายใน เป็นต้น นะคะ
อันดับ 3 … J12
○ เหตุผลที่ทำให้ได้รับความนิยม…
อาจจะฟังดูน่าแปลกใจ แต่ J12 เป็นซีรีส์ “นาฬิกา” มากกว่าที่จะกระเป๋าและกระเป๋าสตางค์ของ Chanel แม้ว่าจำนวนสินค้าตามท้องตลาดจะไม่มากเท่ากับกระเป๋าและกระเป๋าสตางค์ แต่ราคาเฉลี่ยก็สูงและหากสินค้ายังอยู่ในสภาพดี เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในซีรีส์ยอดนิยมของ Chanel เลยค่ะ
ประวัติความเป็นมาของ J12 นั้นค่อนข้างใหม่ โดยถูกสร้างขึ้นในปี 2000 ในฐานะ 「นาฬิกาข้อมือระบบกลไกเต็มรูปแบบเรือนแรก」 ในบรรดานาฬิกาของ Chanel ทั้งหมด จะมีความต่างจากนาฬิการุ่นก่อนๆ ที่มุ่งเป้าไปที่ผู้หญิงมากกว่า แต่ซีรีส์นี้มุ่งเป้าไปที่ผู้ชายมากกว่า คุณลักษณะประการหนึ่งคือใช้ 「เซรามิกไฮเทค」 เกรดอุตสาหกรรมจำนวนมาก ซึ่งมักไม่ค่อยนิยมใช้เป็นวัสดุสำหรับนาฬิกาค่ะ
แม้จะไม่ได้บอกว่าทนทานกว่า แต่ก็คิดว่าเหตุผลที่ทำให้ได้รับความนิยมก็คือ ประสบความสำเร็จในการสร้างความรู้สึกหรูหราอันเป็นเอกลักษณ์ บวกกับผสมผสานกับการออกแบบอันซับซ้อนของ Chanel (และยังได้รับความนิยมมากขึ้นอีก หลังจากประสบความสำเร็จในการสร้างกลไกที่เป็นเอกลักษณ์เมื่อประมาณสามปีที่แล้วค่ะ)
○ มีสินค้าประเภทใดบ้างในตลาด?
สามารถพูดได้เลยว่า J12 เป็นซีรีส์ที่มุ่งเป้าไปที่ผู้ชายมากกว่าผู้หญิงค่ะ ในส่วนของสีก็จะมีสีดำหรือสีขาว ซึ่งมีมานานแล้ว และเมื่อรวม 2 สีนี้เข้าด้วยกันก็ยิ่งได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม ขนาดตัวเรือนส่วนใหญ่คือ 33 มม. และ 38 มม. โดยขนาดแรกสำหรับผู้หญิงและอีกขนาดสำหรับผู้ชาย ปัจจุบันมีแนวโน้มที่คนจะลงทุนในนาฬิการะดับไฮเอนด์ที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก รวมถึงแบรนด์อื่นๆ เช่น Rolex ส่วน J12 ยังมีคนเป็นเจ้าของและยังไม่นำมาปล่อยขายอยู่จำนวนมาก บวกกับราคาต่อหน่วยสูง สินค้าในท้องตลาดจึงอาจจะยังมีไม่มากค่ะ ในส่วนของสินค้าที่นำกลับมาใช้ใหม่ (มือสอง) ดูเหมือนว่ากลไกแบบดั้งเดิมเน้นใช้งานปกติทั่วไปจะมีอยู่ในท้องตลาดมากกว่าก่อนปี 2018
○ แล้วจะรับซื้อได้ในราคาเท่าไรกันนะ?
ในกรณีของ J12 ราคาจะอยู่ระหว่างประมาณ 500,000 เยน ถึง 5 ล้านเยน (ประมาณ 125,000 – 1,250,000 บาท) สำหรับสินค้าใหม่ และก็ขึ้นอยู่กับวัสดุด้วยค่ะ
อย่างไรก็ตาม ในเรื่องของปริมาณการซื้อขาย เนื่องจากไม่ใช่แบรนด์นาฬิกาที่มีราคาแพงมาก จึงมีกรณีที่สามารถรับซื้อที่ได้ราคามากกว่า 1 ล้านเยนอยู่น้อยมากๆ
รู้สึกว่าปริมาณการซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 500,000 เยน แต่ส่วนใหญ่อยู่ในช่วง 200,000 ถึง 800,000 เยนค่ะ (ประมาณ 50,000 – 200,000 บาท)
J12 ที่ผ่านการใช้งานทั่วๆไป ก็สามารถซื้อขายได้ในราคาประมาณนั้นนะคะ แต่หากมีรอยขีดข่วนหรือร่องรอยการใช้งานที่เห็นได้ชัดเจน ราคาก็อาจตกลงมาประมาณที่ 100,000 เยนได้เลยค่ะ (ประมาณ 25,000 บาท)
○ จุดประเมินที่ส่งผลให้ J12 มีราคารับซื้อสูง?
ในกรณีของ J12 เราจะตรวจสอบชิ้นส่วนพื้นฐานเพื่อดูการสึกหรอ เช่นเดียวกับนาฬิกาหรูแบรนด์อื่นๆ
ตัวอย่างเช่น
○ มีสิ่งสกปรก ฝุ่น สนิม ฯลฯ อยู่ในช่องว่างระหว่างสายนาฬิกาหรือไม่?
○ มีรอยขีดข่วนเล็กๆ บนกระจกหน้าหรือไม่?
○ กรอบมีการหมุนเล่นมากเกินไปหรือไม่?
ฯลฯ
นอกจากนี้ ในส่วนของสินค้า Chanel อื่นๆนั้น จะต้องตรวจเช็คอีกด้วยว่ายังมี ใบรับประกัน อุปกรณ์ที่แถมมากับสินค้า อยู่หรือไม่ ซึ่งจะมีผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือและราคาประเมินมากกว่าแบรนด์อื่นๆ ค่ะ
ไม่เพียงแต่ใบรับประกันเท่านั้น แต่ยังรวมถึงอุปกรณ์เสริมที่มากับตัวสินค้าด้วย เช่น กล่อง และชิ้นส่วนปรับสร้อยข้อมือ หากคุณมีครบชุด ก็สามารถรับซื้อได้ในราคาที่สูงขึ้นอีกนะคะ!
เป็นอย่างไรบ้างคะ? อย่างไรก็ตามสำหรับอันดับที่ 4 และรองลงมาก็คือ…
อันดับที่ 4 New Travel Line (กระเป๋า)
อันดับที่ 5 5℃ (น้ำหอม)
อันดับที่ 6 Cambon (กระเป๋าสตางค์ กระเป๋า ฯลฯ)
เท่าที่เห็นจากเว็บไซต์ร้านรับซื้อ ข้อดีของ Chanel ก็คือถึงแม้จะเก่าแล้ว ก็ยังมีแนวโน้มที่สามารถขายได้ราคาดีอยู่ 「หลายหมื่นเยนขึ้นไป」 เว้นแต่ว่าอยู่ในสภาพที่แย่มากๆ!
(แน่นอนค่ะว่า โดยเฉลี่ยแล้ว Chanel เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่แพงที่สุดเลยทีเดียว)
นอกจากนี้ยังสามารถกล่าวได้ว่าเป็นจุดแข็งที่เป็นเอกลักษณ์ของ Chanel ซึ่งมีประวัติศาสตร์อันยาวนานในการผสมผสานกันระหว่าง 「การออกแบบ」 และ 「คอนเซ็ปต์」 ที่ได้รับอย่างประณีตและลงตัว
หากคุณมี Chanel ที่ต้องการเปลี่ยนเป็นรุ่นใหม่หรือขาย โปรดไว้วางใจให้เราได้ประเมินสินค้านะคะ!